วิธีเพิ่ม IQ ให้กับเด็กไทย...ต้องเลิกกินนมวัว
กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลว่า เด็กไทยไอคิวต่ำจำนวนมาก
เด็กช่วงแรกเกิดถึง 5 ขวบมีไอคิว 71.69
เด็กวัยเรียน ไอคิวเฉลี่ย 91 ล่าสุดสำรวจปี 45 พบลดลงอีกเหลือแค่ 88
ขณะที่เด็กวัยรุ่นไอคิวเฉลี่ย 86.72
ชี้เป็นสัญญาณไม่ดีต่อคุณภาพของเด็กไทยในอนาคต
นอกจากนี้ อีคิวก็เริ่มมีแนวโน้มลดลง
เนื่องจากหญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยลง
รวมทั้งเกิดมาจากสุขภาพของแม่ระหว่างการตั้งท้อง
เรื่องนี้ผมได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 10 ปีแล้ว
ดีใจ(หรือเสียใจก็ไม่รู้)ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่าเป็นความจริง
ผมเคยพูดไว้ตามภาษิตฝรั่งว่า “You are what you eat”
(แปลว่า...เจ้าก็คือสิ่งที่เจ้าแด๊กซ์น่ะแหละ)
ดังนั้น...เมื่อเจ้ากินนมวัว เจ้าก็ต้องโง่เหมือนวัวน่ะแหละ
ที่คนไทยหันมากินนมวัว เพราะมีผู้นำประเทศโง่เหมือนวัวกระมัง
ที่ส่งเสริมให้คนไทยกินนมวัวกันมากเหลือเกิน
สาเหตุลึกๆมาจากการเห่อฝรั่งนั่นเอง...อยากให้คนไทยตัวใหญ่เหมือนฝรั่ง
โดยใหญ่แล้วดียังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน
เปลืองเสื้อผ้า เปลืองน้ำมันรถ เปลืองบ้าน เปลืองไปหมด
แถมยังอุ้ยอ้าย หนักแผ่นดินมากขึ้น มารบกับญวนตัวผอมๆก็ยังแพ้
เพราะอุ้ยอ้ายหลบกระสุนหลบหลุมขวากไม่ทัน
นอกจากสมองจะทัดเทียมวัวแล้วร่างกายก็จะใหญ่และแย่อีกด้วย
เพราะไขมันจะสะสมมาก ทำให้เกิดโรคตามมานานาชนิด
ไม่เชื่อขอให้กระทรวงเก็บสถิติคนรุ่นใหม่ไปจนแก่
จะพบโรคที่บรรพชนสมัยก่อนไม่เคยเป็นอีกมากมาย
สรุปคือ การกินนมมากทำให้ สมองโง่ แถมร่างกายอ่อนแอ
ในขณะที่พวกฝรั่งกลับสำนึกผิด
หันมากินแบบไทยกันเต็มไปหมด คือหันมากินข้าว ผัก ปลา
แต่เรากลับหันไปกินนม ไข่ เนื้อ มันฝรั่งทอด แบบฝรั่ง
สรุปคือพวกฝรั่งฉลาดขึ้นเหมือนเรา แต่เราโง่ลงไปเหมือนฝรั่ง
ข้อแนะนำของสมาคมแพทย์เด็กของอเมริกาเมื่อสิบปีก่อนคือ
ให้เด็กทารกและเด็กเล็กกินนมพร่องไขมัน (2%) เพียงวันละ 1 แก้วเท่านั้น
แต่ของไทยเราให้อัดนมเสริมมันเนย วันละหลายแก้ว
ทำให้เด็กไทยรับไขมันมากกว่าเด็กอเมริกันหลายสิบเท่า
จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมเด็กไทยจึงเป็นโรคอ้วนมากอย่างน่าตกใจ
เหมือนกับอเมริกาตอนนี้ที่คนจนมักอ้วน ส่วนคนรวยมักผอม
พวกคนผิวดำในสลัมอเมริกาเป็นโรคอ้วนมากที่สุด
จากสถิติผมเอง เดี๋ยวนี้เด็กบ้านนอกตัวโตกว่าเด็กกรุงเทพมากพอสมควร
เช่นเด็กนศ. ที่มหาลัยในภูมิภาคส่วนใหญ่ตัวโตกว่าผม
ส่วนเด็กในจุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร ยังตัวขนาดผมเป็นส่วนใหญ่
สอดคล้องกับการที่ผมสัมภาษณ์คนบ้านนอกไว้หลายคน
พบว่าส่วนใหญ่ให้ลูกเล็กกินนมวัวมากเหลือเกิน
ระดับ 5 ถึง 7 กล่อง ต่อวัน เป็นนมไขมันเต็มที่เสียด้วย
ผมไม่โทษพวกเขาแต่โทษรัฐบาลเราที่ไม่ฉลาดพอ
โง่ และ เห่อฝรั่งจนตาพองสมองฝ่อกันหมด
พวกบริษัทฝรั่งที่ทำนมข้ามชาติมันบุกไทยมานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยผมจำความได้
พวกเขาทำการตลาดโดยการเอานมผง (เดาว่านมเหลือทิ้ง)
มาแจกให้กระทรวงสาธารณสุขเพื่อเอามาแจกให้คนยากคนจนตามบ้านนอก
เพื่อเอาไว้เลี้ยงลูกแทนนมแม่
คนบ้านนอกก็หลงไหลได้ปลื้มว่าต่อนี้ไปลูกเราจะได้ฉลาดเหมือน(วัว)ฝรั่งเสียที
พากันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงลูก
หันมาดื่มนมวัวกันแต่บัดนั้น
โชคดีที่ผมเกิดก่อนยุคนั้นไปหกปีจึงไม่ทันได้กิน
แต่น้องคนสุดท้องโดนไปเต็มเต็ม
ถึงว่า...พี่น้องทุกคนสอบได้ที่หนึ่งของชั้น
ยกเว้นเจ้าหมอนี่คนเดียว
แล้วมันเป็นความผิดใครกันแน่
ชาวบ้านโง่หรือรัฐบาลโง่??
เรื่องความฉลาดทางอารมณ์ที่ตกต่ำก็อีหรอบเดียวกัน
ผมเองก็พูดไว้นานแล้ว เพราะก็ยังคงเข้าข่ายYou are what you eat
เมื่อคุณกินนมวัวและเนื้อวัวคุณก็ดุร้ายเหมือนวัวน่ะแหละ
แม่เล่าว่า..สมัยแม่เป็นเด็ก ไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์มีเท้า
เพราะคนไทยโบราณกินแต่ผักและปลาเท่านั้น
ไม่มีใครกล้าฆ่าวัว ควาย หมู แม้แต่ไก่ เป็ด
เพราะกลัวบาป จะได้กินเนื้อวัวควายก็ต่อเมื่อมันป่วยหรือแก่ตาย
สังคมไทยเริ่มเปลี่ยนมากินเนื้อมากขึ้นเมื่อแขกเข้ามาเป็นคนฆ่าเนื้อให้
และจีนเข้ามาเป็นคนฆ่าหมูฆ่าไก่ให้กิน
จากนั้นฝรั่งก็เข้ามาเอานมเนยและเนื้อเสต็คมาให้กินกันอีก
ผมเชื่อว่าการกินเนื้อและผลิตภัณฑ์จากเนื้อมาก
นอกจากกระทบร่างกายแล้ว ยังกระทบจิตใจอีกด้วย
ทำให้เป็นคนโหดร้ายมากขึ้น
ประวัติศาสตร์บันทึกว่าพวกฝรั่งทำสงครามกันโหดเหี้ยมมาก
ทำสงครามกันยาวนานเป็นร้อยปี
เช่น สงคราครูเสดนานสองร้อยปี
สงครามอังกฤษฝรั่งเศสนานสามร้อยปี เป็นต้น
คนตายกันเป็นเบือจนเล่ากันว่า
เลือดไหลนองท่วมน่อง(ในโบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงเยรุซาเลม)
ก็ไม่ทำให้สลดใจเลิกรบ...แสดงว่าโหดเหี้ยมมาก
ส่วนไทยรบพม่า (ที่กินผักปลาเหมือนกัน) รบสามเดือน คนตายสามพันก็เลิกกัน มันต่างกันเหลือประมาณ ถ้าไม่ใช่เพราะอาหารจะเป็นเพราะอะไร
สังเกตดู จะเห็นว่านับแต่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำพรหมบุตรไป
เป็นพวกกินเนื้อและนมทั้งสิ้น
ตะวันออกของแม่น้ำนี้เป็นพวกกินข้าวผักปลาทั้งสิ้น
สังเกตดูร่างกายของพวกฝั่งตะวันตก คืออินเดีย อิหร่าน กรีก ฝรั่ง อาฟริกา
ตัวจะใหญ่ หนวดเครารุงรัง มีขนดกตามตัว แขน ขา (คล้ายลิง)
ดวงตาดุดัน เบ้าลึก กลมโต (คล้ายเสือ)
ซึ่งตรงข้ามกันคนฝั่งตะวันออก ที่กินข้าวผักปลาผลไม้ เป็นหลัก
มีตัวเล็ก เพราะไม่จำเป็นต้องใหญ่ เนื่องจากไม่นิยมการต่อสู้และความรุนแรง
ลำตัว แขน ขา ไม่มีขนดก ...อาจเพราะวิวัฒนาการเลยลิงไปมากแล้ว
ดวงตาแหลมรี ไม่ค่อยมีแววของความดุดัน
แต่น่าแปลกที่คนฝั่งนี้กลับนิยมลักษณะด้อยของคนฝั่งโน้นมากกว่า
อยากตัวใหญ่ ผู้ชายอยากมีหนวดเครา และไปทำตาสองชั้นกันมาก
แสดงว่าคนฝั่งนี้มีลักษณะด้อยติดมาแต่โบราณ
คือขาดความมั่นใจในศักยภาพและวิวัฒนาการของตนเอง
แท้จริงแล้วคนฝั่งโน้น..แม้จะโหดเหี้ยม แต่ลึกๆแล้ว
แฝงไว้ด้วยความขี้ขลาดมากโข
เช่นเวลารบกันต้องสวมเสื้อเกราะหนักอึ้ง...แสดงว่ากลัวตาย
และดาบที่ใช้ก็มีลักษณะยาวแหลม...ใช้แทงจากระยะไกลตัวเป็นหลัก
ส่วนคนฝั่งนี้รบกันโดยไม่ต้องมีเสื้อเกราะ..แสดงว่ามีความกล้ามากกว่า
ดาบที่ใช้เป็นดาบฟันมากกว่าดาบแทง..เป็นการรบแบบใกล้ตัวมากกว่าการแทง
ก็บ่งบอกถึงความกล้าเช่นกัน
ความกล้าหาญและจิตใจยุติธรรมมีถึงกับว่า
ชนเผ่าโบราณดั้งเดิมในอินโดนีเซียรบกัน
ฝ่ายหนึ่งกระสุนหมด (มีปืนใช้แล้ว)
อีกฝ่ายหนึ่งแบ่งกระสุนของตนให้ครึ่งหนึ่ง
เพื่อที่จะรบกันต่อได้อย่างยุติธรรม
เรื่องพวกนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในหมู่พวกกินเนื้อนม
คนไทยเดี๋ยวนี้โหดเหี้ยมกว่าแต่ก่อนมาก (ในภาพรวม)
เช่น คนส่วนใหญ่สะใจกับการที่ทหารรัฐบาล
รุมล้อมฆ่าเด็กวัยรุ่นมุสลิม 34 คน ที่มัสยิดกรือเซะ (ปัตตานี)
แทนที่จะพากันสลดใจต่อการสูญเสียชีวิต และช่วยกันตำหนิทหารตำรวจ
ที่ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
การใช้ภาษาพูดของคนไทยก็แสดงให้เห็นแนวโน้มว่ารุนแรงขึ้นทุกที
ที่เห็นชัดๆก็คือพวกนักการเมือง ที่โจมตีกันด้วยภาษาที่โหดเหี้ยมรุนแรง
ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายตรงข้ามบ้างเลย
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอาหารนั่นเอง
อาหารอาจเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้มาก
พระพุทธเจ้าถึงกับสอนว่าอย่ากินอาหารบางชนิด
เพราะจะทำให้เกิดความกำหนัด เป็นภัยต่อการบำเพ็ญเพียรเพื่อหาทางหลุดพ้น
You are what you eat นั่นแล
เอาละ โง่ถูกฝรั่งหลอกมานานแล้ว...ก็ยังมีโอกาสแก้ตัว
เพราะยังมีคนไทยที่ถูกเลี้ยงมาด้วยนมแม่ไทยพันธุ์แท้
ที่มีสายพันธุ์ฉลาดล้ำสั่งสมกันมานานคอยให้ปัญญาอีกมากมาย
เพียงแต่ขอให้เชื่อกันบ้างเถอะเวลาคนไทยพูดหรือเขียนอะไรแนะนำกัน
อย่าไปเดินตามเชือกที่ฝรั่งเขาร้อยจมูกไว้เสียจนไม่ฟังเสียงคนไทยกันบ้างเลย
คนไทยคนนี้ก็พูดเตือนไว้นานแล้วเช่นกันว่า
อย่าไปเชื่อข้อสอบวัดไอคิวที่ฝรั่งมันทำมาให้เราใช้
ถ้าข้อสอบมันโง่(แบบฝรั่ง)มันจะมาวัดความฉลาด(แบบไทย)ได้ยังไง
ตาชั่งมันคนละระบบ...การวัดจะเอามาใช้ร่วมกันได้อย่างไร
คนออกข้อสอบมันก็ออกแบบที่มันคิดว่า”อะไรคือความฉลาด”
ตามสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมของมัน...ซึ่งไม่เหมือนกับของเรา
และแม้ของเราเอง มันก็มีหลากหลายสิ่งแวดล้อม
รับรองได้ว่าถ้าเอาชาวนาไทยมาออกข้อสอบวัดไอคิว
ข้อสอบต้องถามว่าไถนาอย่างไร ดักแย้ดักหนูอย่างไร
อัลเบิร์ต ไอน์ไสตน์ มาสอบก็ต้องกลายเป็นคนไอคิวต่ำแน่นอน
ที่ว่า..ฉลาด..นั้น มีนิยามอะไรกันแน่
อย่าเพิ่งด่วนสรุป และ เห่อนิยาม “ฉลาด” ของฝรั่งจนเกินไป
ไม่งั้นจะเสียค่าโง่ซ้ำซาก ไม่รู้จบ
ว่าไปแล้วผมได้เคยลองสอบวัด IQ ดูกะเขาเหมือนกัน ครั้งเดียวในชีวิต (ทาง net) เป็นของบริษัทอะไรก็ลืมไปแล้ว แต่ที่นี่มีคนมาวัดกันแล้ว 32 ล้านคน เขาคุยว่าเขาจบปริญญาเอกมาด้านการวัด IQ เลยทีเดียว ผมไปสอบมาปรากฏว่าได้145 ซึ่งเขาแจ้งมาว่าผมเป็น top scorerของเขาเลยทีเดียว (ว่ากันว่า ไอนสไตน์น่ะ ประมาณ 135 นะ) อ้อ..จากผลของบริษัทนี้คนอเมริกันทั่วไปมี IQ 110
เอ้า...ใครอยาก IQ สูงเท่าผม ขอให้เลิกกินนมวัว นะครับ แล้วหันมาคิดให้มากๆ คิดไปทุกเรื่องตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ นะครับ